แมวแต่ละตัวมักมีเสน่ห์เฉพาะตัว การดูแลขนแมวก็จะแตกต่างกัน และไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความฉลาด หรือรูปร่างหน้าตา แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนสังเกตเห็นได้สิ่งแรกก็คือ “ขนแมว” ซึ่งมีทั้งแบบสั้น แบบยาว ไปจนถึงไม่มีขนเลย การแบ่งตามลักษณะของขนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้จัดกลุ่มแมวทั่วโลกได้อย่างชัดเจน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักแมวแต่ละประเภทตามลักษณะขนอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้เข้าใจและเลือกเลี้ยงได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
แมวขนสั้น (Short-haired Cats)
ลักษณะเด่นแมวขนสั้น
- มีขนสั้นเรียบแนบตัวแมว
- การดูแลขนแมวค่อนข้างง่าย ไม่พันติดกันเหมือนแมวขนยาว
- แมวขนสั้นมักผลัดขนน้อยกว่าพวกแมวขนยาว
ตัวอย่างสายพันธุ์
- แมวไทย อย่างเช่น (ขาวมณี, สีสวาด, วิเชียรมาศ) – มีความคล่องตัว ฉลาด และขี้อ้อน



- บริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair) – มีขนหนานุ่ม นิสัยสงบ และมีความสุขุม
- อเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair) – ทั้งมีสุขภาพแข็งแรง มีความขี้เล่น


การดูแลแมวขนสั้น
- ต้องมีการแปรงขน 1–2 ครั้ง / สัปดาห์
- ควรตรวจสุขภาพผิวหนังแมวของคุณ เพราะการดูแลขนแมวสั้นอาจมีรังแค หรือปัญหาผิวหนังที่เห็นได้ชัด
- เหมาะกับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ต้องการแมวที่ดูแลขนง่าย
แมวขนกลาง (Medium-haired Cats)
ลักษณะเด่นแมวขนกลาง
- ความยาวของขนแมวจะอยู่ระหว่างสั้นกับยาว
- มีขนค่อนข้างนุ่มและดูฟูมากกว่าพวกแมวขนสั้น
- ต้องการการดูแลขนแมวมากขึ้น แต่ยังไม่ซับซ้อนเท่าแมวขนยาว
ตัวอย่างสายพันธุ์
- เมนคูน (Maine Coon) – เจ้าแมวยักษ์ใหญ่ใจดี ขนฟูปานกลางถึงยาว
- รากามัฟฟิน (Ragamuffin) – มีนิสัยอ่อนโยน และเป็นมิตรกับเด็ก
- ตุรกีแองโกรา (Turkish Angora) – ขนมีความสวยงามพลิ้ว และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว



การดูแลแมวขนกลาง
- ต้องการการดูและขนแมว และแปรงขนทุกๆ 2–3 วัน ป้องกันขนพันกัน
- ควรมีอุปกรณ์หวีขน หรือแปรงสำหรับแมวขนปานกลางโดยเฉพาะ
- เหมาะกับคนที่มีเวลาพอสมควร และอยากได้แมวที่มีขนฟูดูน่ากอด
แมวขนยาว (Long-haired Cats)
ลักษณะเด่นแมวขนยาว
- เป็นแมวขนยาวสลวย และดูหรูหรา
- การดูแลยากกว่าประเภทอื่น เพราะขนค่อยข้างพันติดกันง่ายมากกว่าขนแมวลักษณะอื่น
- ต้องการการดูแลขนแมวทุกวัน
ตัวอย่างสายพันธุ์
- เปอร์เซีย (Persian) – สัญลักษณ์แห่งแมวขนยาว ขนนุ่มฟู และนิสัยรักสงบ
- ฮิมาลายัน (Himalayan) – มีความคล้ายเปอร์เซีย แต่มีแต้มสีคล้ายแมวสยาม
- นอร์วีเจียน ฟอเรสต์ (Norwegian Forest Cat) – มีขนหนาเพื่อทนต่อสภาพอากาศหนาว
การดูแลแมวขนยาว
- การดูแลขนแมวยาวต้องมีการแปรงขนทุกวัน
- อาบน้ำเป็นระยะเพื่อลดคราบมันและสิ่งสกปรกบนขนแมว
- ต้องเตรียมใจเรื่องการทำความสะอาดบ้าน เพราะขนร่วงเยอะมากกว่าขนแมวลักษณะอื่นๆ
- เหมาะกับเจ้าของที่รักการดูแลแมว เอาใจใส่ และชอบความหรูหรา
แมวไม่มีขน (Hairless Cats)
ลักษณะเด่นแมวที่ไม่มีขน
- เป็นแมวที่ไม่มีขน หรือมีขนที่บางมากๆ
- ผิวหนังจะเรียบ เห็นรอยย่นชัดเจน
- ต้องการการดูแลต่างจากแมวทั่วไป หรือแมวลักษณะอื่นๆ
ตัวอย่างสายพันธุ์
- สฟิงซ์ (Sphynx) – เป็นแมวไร้ขนชื่อดัง ขี้อ้อน และติดเจ้าของ
- ปีเตอร์บัลด์ (Peterbald) – มีรูปร่างเพรียว และมีความขี้เล่น
- ดอนสฟิงซ์ (Donskoy) – ค้นพบครั้งแรกในรัสเซีย และมีบุคลิกเป็นมิตร
การดูแลแมวที่ไม่มีขน
- ต้องเช็ดผิวหนังบ่อย ๆ เพราะไม่มีขนช่วยซับน้ำมัน
- ระวังการโดนแสงแดด เพราะผิวหนังบอบบางมาก
- ต้องดูแลอุณหภูมิในห้อง เพราะแมวไม่มีขนจะหนาวง่าย
- เหมาะกับคนที่แพ้ขนแมว แต่อยากเลี้ยงแมว (แต่ยังอาจแพ้น้ำลายหรือรังแคได้)
การเลือกแมวตามลักษณะขน
- แมวขนสั้น – การดูแลขนแมวง่าย เหมาะกับมือใหม่ หรือคนที่ทำงาน
- แมวขนกลาง – มีความสวยงาม กำลังพอดี และมีความเหมาะกับคนที่มีเวลาพอสมควร
- แมวขนยาว – มีความหรูหรา น่ากอด แต่ต้องการการดูแลค่อนข้างมาก
- แมวไร้ขน – แปลกตา เป็นลักษณะแมวที่ไม่เหมือนใคร และต้องการการดูแลเฉพาะทาง
เคล็ดลับในการดูแลแมวทุกประเภท
- ให้อาหารแมวต้องมีความเหมาะสมตามอายุและน้ำหนักของแมว
- พาแมวไปตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี
- จัดพื้นที่ให้สะอาด ปลอดภัย และอบอุ่น
- ใช้เวลาคลุกคลี เล่นกับแมว เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อแมวของคุณเอง
สรุป
การแบ่งแมวตามลักษณะขนไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึง การดูแลขนแมวที่แตกต่างกัน แมวขนสั้นอาจเหมาะกับมือใหม่ ส่วนแมวขนยาวก็เหมาะกับคนที่มีเวลาและชอบความหรูหรา ในขณะที่แมวไร้ขนก็มอบประสบการณ์การเลี้ยงที่ไม่เหมือนใคร
สุดท้าย ไม่ว่าขนจะสั้น ยาว หรือไม่มีขนเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรักและการดูแลขนแมวที่สม่ำเสมอ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะทำให้เจ้าเหมียวมีความสุข และอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน


